สวัสดีครับทุกคน เนื่องจากว่ามีหลายคนถามกันเข้ามาว่า คดีกู้ยืมเงิน กยศ. มีอายุความกี่ปี ซึ่งทนายขอตอบว่า อายุความฟ้องคดีของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) นั้นเป็นเรื่องที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือกฎหมายอื่นไม่ได้บัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปีครับ ซึ่งไม่ใช่เป็นสิทธิเรียกร้องในเงินที่ต้องชำระเพื่อผ่อนทุนคืนเป็นงวดๆ อันมีอายุความ 5 ปี เพราะว่าแม้ผู้กู้สามารถเลือกผ่อนชำระเป็นรายเดือนหรือรายปีได้ก็ตาม ก็ไม่ใช่บังคับว่าผู้กู้ต้องชำระแน่นอนตามนั้นเสมอไป หากมีกรณีจำเป็นผู้กู้อาจร้องขอผ่อนผันให้ผู้กู้ชำระหนี้ตามระยะเวลาที่แตกต่างไปหรือชะลอการชำระหนี้เป็นการชั่วคราวก็ได้ ยังไงล่ะครับ เมื่อเข้าใจกันดีแล้ว สำหรับคนที่กู้ยืมก็ช่วยจ่ายเงินคืน กยศ. กันด้วยนะครับ น้องๆรุ่นต่อไปจะได้มีโอกาสทางการศึกษาเหมือนกันไงครับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16051/2555
จากคำฟ้องระบุว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2541 อยู่ในกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง มีวัตถุประสงค์ให้นักเรียนหรือนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์กู้ยืมเงินเพื่อเป็นค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการครองชีพระหว่างศึกษา โดยได้ความตามพระราชบัญญัติดังกล่าวว่า กองทุนให้กู้ยืมแก่นักเรียนนักศึกษาโดยทั่วไปที่ประสงค์ขอกู้เงินตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการ โดยสามารถเข้าถึงการกู้ยืมได้โดยง่าย และยังกำหนดไว้อีกว่าคณะกรรมการจะกำหนดให้มีผู้ค้ำประกันการชำระหนี้ด้วยก็ได้ แต่จะกำหนดจนเป็นอุปสรรคต่อผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ในอันที่จะกู้ยืมไม่ได้ และกำหนดห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยหรือประโยชน์อื่นใดในระหว่างที่ผู้ยืมเงินศึกษาอยู่
ส่วนการนำส่งคืนกองทุนยังให้โอกาสผู้กู้ยืมชำระคืน เมื่อสำเร็จการศึกษาหรือเลิกการศึกษาแล้วเป็นระยะเวลา 2 ปี ทั้งยังกำหนดให้คิดดอกเบี้ยในอัตราไม่เกินเงินฝากประจำหนึ่งปีของธนาคารออมสิน และห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยทบต้น กำหนดใช้คืนเป็นรายเดือนเป็นระยะเวลาสูงสุดถึง 15 ปี ในกรณีผู้ยืมถึงแก่ความตายให้หนี้ตามสัญญาระงับไป และในกรณีที่ผู้กู้พิการหรือทุพลภาพไม่สามารถประกอบการงานได้ คณะกรรมการมีอำนาจระงับการให้ชำระหนี้ตามสัญญาได้ จากเหตุผลการออกพระราชบัญญัติ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องเร่งดำเนินการพัฒนามนุษย์ เพื่อรองรับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศในการยกฐานะความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ดังนั้นการให้กู้ยืมเงินตามพระราชบัญญัติก็เป็นไปเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่และให้โอกาสแก่บุคคลผู้ด้อยโอกาสในสังคมโดยแท้
กรณีเป็นเรื่องที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือกฎหมายอื่นมิได้บัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 หาใช่เป็นสิทธิเรียกร้องในเงินที่ต้องชำระเพื่อผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ อันมีอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2) ไม่ เพราะว่าแม้ผู้กู้สามารถเลือกผ่อนชำระเป็นรายเดือนหรือรายปีได้ก็ตาม ก็ไม่ใช่บังคับว่าผู้กู้ต้องชำระแน่นอนตามนั้นเสมอไป หากมีกรณีจำเป็นผู้กู้อาจร้องขอผ่อนผันให้ผู้กู้ชำระหนี้ตามระยะเวลาที่แตกต่างไปหรือชะลอการชำระหนี้เป็นการชั่วคราวก็ได้ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2539 ข้อ 29 วรรคสอง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 193/30 อายุความนั้น ถ้าประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นมิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะ ให้มีกำหนดสิบปี
มาตรา 193/33 สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้ให้มีกำหนดอายุความห้าปี
(1) ดอกเบี้ยค้างชำระ
(2) เงินที่ต้องชำระเพื่อผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ
(3) ค่าเช่าทรัพย์สินค้างชำระ เว้นแต่ค่าเช่าสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 193/34 (6)
(4) เงินค้างจ่าย คือ เงินเดือน เงินปี เงินบำนาญ ค่าอุปการะเลี้ยงดูและเงินอื่น ๆ ในลักษณะทำนองเดียวกับที่มีการกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลา
(5) สิทธิเรียกร้องตามมาตรา 193/34 (1) (2) และ (5) ที่ไม่อยู่ในบังคับอายุความสองปี