เจตนารมณ์ของการส่งสำเนาเอกสาร มุ่งประสงค์เพื่อให้ฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารยันตน ได้มีโอกาสตรวจสอบความถูกต้องแท้จริงของเอกสารนั้นก่อน เพื่อจะได้ถามค้านพยานได้ถูกต้อง ไม่เสียเปรียบแก่กัน
ป.วิ.แพ่ง ม.90
คู่ความที่ประสงค์จะอ้างอิงเอกสารเป็นพยานหลักฐาน เพื่อสนับสนุนข้ออ้างหรือข้อเถียงของตนตาม ม.88 ว.1 จะต้องยื่นสำเนาเอกสารนั้น ต่อศาลและส่งให้คู่ความฝ่ายอื่น ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน (หลักเกณฑ์เดียวกันกับการยื่นบัญชีระบุพยานตาม ม.88)
ในกรณีที่ยื่นคำแถลงขอระบุพยานเพิ่มเติมตาม ม.88 ว.2 หรือคำร้องขออนุญาตอ้างอิงเอกสารเป็นพยานหลักฐานตาม ม.88 ว.3 จะต้องส่งสำเนาเอกสารนั้น พร้อมกับคำแถลงหรือคำร้องดังกล่าว ยื่นต่อศาลและส่งให้คู่ความฝ่ายอื่น
คู่ความที่อ้างอิงพยานหลักฐาน ไม่ต้องยื่นสำเนาเอกสารต่อศาล และไม่ต้องส่งสำเนาเอกสารให้คู่ความฝ่ายอื่น ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) เมื่อคู่ความฝ่ายใดอ้างอิงเอกสารเป็นชุด ซึ่งคู่ความฝ่ายอื่นทราบดีอยู่แล้ว หรือสามารถตรวจตราให้ทราบได้โดยง่าย ถึงความมีอยู่และความแท้จริงแห่งเอกสารนั้น เช่น จดหมายโต้ตอบระหว่างคู่ความในคดี หรือสมุดบัญชีการค้า และสมุดบัญชีของธนาคาร หรือเอกสารในสำนวนคดีเรื่องอื่น
(2) เมื่อคู่ความฝ่ายใดอ้างอิงเอกสารฉบับเดียวหรือหลายฉบับที่อยู่ในความครอบครองของคู่ความฝ่ายอื่นหรือของบุคคลภายนอก
(3) ถ้าการคัดสำเนาเอกสารจะทำให้กระบวนพิจารณาล่าช้าเป็นที่เสื่อมเสียแก่คู่ความซึ่งอ้างอิงเอกสารนั้น หรือมีเหตุผลแสดงว่าไม่อาจคัดสำเนาเอกสารให้เสร็จภายในกำหนดเวลาที่ให้ยื่นสำเนาเอกสารนั้น
กรณีตาม (1) หรือ (3) คู่ความฝ่ายที่อ้างอิงเอกสารต้องยื่นคำขอฝ่ายเดียว โดยทำเป็นคำร้องต่อศาล ขออนุญาตงดการยื่นสำเนาเอกสารนั้น และขอยื่นต้นฉบับเอกสารแทน เพื่อให้ศาลหรือคู่ความฝ่ายอื่นตรวจดูตามเงื่อนไขที่ศาลเห็นสมควรกำหนด
กรณีตาม (2) คู่ความฝ่ายที่อ้างอิงเอกสารต้องขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกเอกสารนั้นมาจากผู้ครอบครองตาม ม.123 โดยยื่นคำร้องต่อศาลภายในกำหนดเวลาตาม ม.90 ว.1 หรือ ว.2 แล้วแต่กรณี และคู่ความฝ่ายนั้นมีหน้าที่ติดตามเพื่อให้ได้เอกสารดังกล่าวมาภายในเวลาที่ศาลกำหนด
เฉพาะพยานเอกสารเท่านั้น ที่จะต้องส่งสำเนา ภาพถ่ายไม่ใช่พยานเอกสาร จึงไม่ต้องส่งสำเนา
พยานเอกสารที่ใช้ประกอบการถามค้าน ไม่ต้องระบุในบัญชีระบุพยานและไม่ต้องส่งสำเนา เพราะไม่ใช่พยานหลักฐานเพื่อสนับสนุนข้ออ้างหรือข้อเถียงของตน
สำเนาเอกสารที่แนบมากับคำฟ้อง คำให้การ หรือคำร้อง (เอกสารท้ายฟ้อง ท้ายคำให้การ ท้ายคำร้อง) ถือได้ว่าเป็นการส่งสำเนาเอกสารตาม ม.90 แล้ว
ในทางปฏิบัติคู่ความมักจะแนบเป็นสำเนาเอกสารท้ายคำฟ้อง ท้ายคำให้การ ท้ายคำร้อง มาพร้อมกับคำฟ้อง คำให้การ และคำร้องอยู่แล้ว เพื่อป้องกันความผิดพลาด หลงลืม และเพื่อความสะดวก
ในคดีมโนสาเร่ จำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง ให้มาศาลเพื่อการไกล่เกลี่ย ให้การและสืบพยานในวันเดียวกัน จำเลยจึงยื่นบัญชีระบุพยานและสำเนาเอกสารภายในวันนัดพิจารณาได้ หรือตามคำสั่งศาลได้ ไม่อยู่ในบังคับตาม ม.88 และ 90 ที่จะต้องยื่นก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน
ถ้าไม่ส่งสำเนาเอกสารให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ตาม ป.วิ.แพ่งม.27 จะรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ เว้นแต่ศาลเห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีตาม ม.87 (2) ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้